10 สุดยอด ผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ปี 2022

Rate this post

การที่ทีมฟุตบอลจะสามารถทำผลงานออกมาได้ดี นั้นขึ้นอยู่กับผู้เล่นก็จริง แต่ยังมีอีกบุคคลที่สำคัญไม่น้อย สำหรับวงการนี้

จะรุ่ง หรือ จะร่วง อันนี้ต้องอยู่ที่การจัดการทีม และที่เรากำลังกล่าวถึงคือ ผู้จัดการทีมฟุตบอล นั้นเอง.

วันนี้เราจะมาดูกันว่าปัจจุบัน จะมีผู้จัดการคนไหนบ้างที่ เป็นที่กล่าวถึงว่าเป็นสุดยอดของวงการนี้.

  1. สตีฟ คูเปอร์ (Steve Cooper)

ผู้จัดการทีมฟุตบอลอาชีพชาวเวลส์ และอดีตนักฟุตบอล ปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสร นอตทิงแฮม ฟอเรสต์ ในพรีเมียร์ลีก.

คูเปอร์เริ่มต้นอาชีพโค้ชของเขาที่อะคาเดมี่ของ เร็กซ์แฮม ในขณะที่ยังเล่นในตำแหน่งกองหลังในลีกฟุตบอลเวลส์ เขาย้ายไป ลิเวอร์พูล ในปี 2008 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการอะคาเดมี่ ในปี 2011 และคูเปอร์เข้าร่วมวางระบบทีมเยาวชนของอังกฤษ ในปี 2014 โดยเริ่มฝึกสอนทีม U16 ก่อนที่จะชนะการแข่งขัน FIFA U-17 World Cup ปี 2017 กับทีม U17 เขากลายเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ สวอนซี ซิตี้ ในปี 2019 และนอตทิงแฮม ฟอเรสต์ ในปี 2021.

เรื่องราวของ คูเปอร์ ได้รับการกล่าวถึงเยอะมากในหมู่คนในของ FA ไม่ใช่แค่เรื่องของความสำเร็จแต่มันคือเรื่องของวิธีการทำงาน โดยหลักใหญ่ใจความของการทำงานในแบบของคูเปอร์คือ ต้องรู้เขารู้เรา เขาจะเข้าหานักเตะทุกคนและเปิดรับฟังความคิดเห็นและทุกคำแนะนำรวมถึงการขอคำปรึกษา เขาคิดว่ามันจำเป็นมากสำหรับการทำงานกับนักเตะอายุน้อย เพราะนักเตะเหล่านี้ต้องได้รับคำอธิบายอย่างละเอียดทั้งสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เรื่องแบบนี้คูเปอร์เป็นมานานแล้ว

  1. เดวิด มอยส์ (David Moyes)

อดีตนักฟุตบอล และผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม เวสต์แฮมยูไนเต็ด สโมสรในพรีเมียร์ลีก, มอยส์ลงเล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกว่า 540 นัด ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง โดยเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรเซลติกในสกอตแลนด์ ซึ่งเขาชนะเลิศการแข่งขันสกอตติชพรีเมียร์ชิปในฤดูกาล 1981–82.

มอยส์ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของสมาคมผู้จัดการทีมแห่งลีกอังกฤษ (LMA Manager of the Year) 3 สมัยใน ปี 2003, 2005 และ 2009 และยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฝ่ายบริหารของสมาคมดังกล่าวในปัจจุบัน.

ธันวาคม 2019 มอยส์กลับมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเวสต์แฮมอีกครั้งด้วยสัญญา 18 เดือน เกมแรกของมอยส์ คือการพาทีมชนะเอเอฟซี บอร์นมัธ 4–0, ในวันที่ 1 มกราคม 2020 พาสโมสรรอดจากการตกชั้นได้โดยจบในอับดับ 16 เก็บไปได้ 33คะแนน ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2010–11 ผลงานฤดูกาลแรกของมอยส์คือการพาทีมเก็บได้ 20 คะแนนจากการคุมทีม 19 นัด

ต่อมาในฤดูกาล 2020–21 มอยส์พาทีมเก็บไปได้ถึง 65 คะแนน เป็นสถิติใหม่ของสโมสรในการแข่งขันฟุตบอลลีก และจบในอับดับ 6 ได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีก สโมสรชนะได้ถึง 19 นัดในลีก รวมถึงชนะเกมเยือนได้ 9 นัด ซึ่งทั้งสองความสำเร็จถือเป็นสองสถิติใหม่ของสโมสรเช่นกัน.

  1. ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ (Diego Simeone)

ซิเมโอเน เริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่ปี 1987 ในปี 2006 ซิเมโอเน ได้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นผู้จัดการสโมสร โดยสโมสรแรกคือ ราซินเดซันตันเดร์ ปัจจุบันซิเมโอเนได้เป็นผู้จัดการและหัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรเก่าของตนเองคือ อัตเลติโกเดมาดริด.

ในปี 2012 ซิเมโอเน นำอัตเลติโกเดมาดริด ผ่านเข้ารอบชิงยูฟ่ายูโรปาลีก โดยพบกับอัตเลติกเดบิลบาโอ สโมสรจากสเปนเช่นเดียวกัน ซึ่งอัตเลติโกเดมาดริดชนะไป 3–0 คว้าแชมป์มาได้ถือเป็นแชมป์แรกที่ซิเมโอเนทำได้ในฐานะผู้จัดการและหัวหน้าผู้ฝึกสอน อัตเลติโกเดมาดริด และในฤดูกาล 2013–14 ซิเมโอเนนำพาอัตเลติโกเดมาดริดได้แชมป์ลาลิกา โดยสามารถบุกไปเสมอกับบาร์เซโลนา ได้ถึงสนามกัมนอว์ 1–1 ได้แชมป์ลาลิกาเป็นสมัยที่ 9 ของสโมสร และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการยุติการผูกขาดแชมป์ของทั้งบาร์เซโลนาและเรอัลมาดริด ซึ่งเป็นสองสโมสรชั้นนำของสเปนอีกด้วย.

  1. เอริค เทน ฮาก (Erik Ten Hag)

ผู้จัดการฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก โดยเขาเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ฤดูกาล 2022–23.

ตลอดอาชีพการเป็นผู้จัดการทีมของเขาทั้ง 9 ปี เทน ฮาก เคยเจอคู่แข่งที่ไม่ซ้ำหน้ากันมากถึง 90 ทีม โดยที่เขามีสถิติการเก็บชัยชนะ 100% ไปถึง 26 ทีมเข้าไปแล้ว โดยในจำนวนดังกล่าวมีทีมอย่าง สปอร์ติง ลิสบอน แชมเปี้ยนของลีก โปรตุเกส, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ลีลล์ แชมเปี้ยนของ ลีกเอิง รวมเข้าไปอยู่ด้วย แถมกับทีมหลังสุดเขายังเคยเผชิญหน้ากันไปถึง 4 หน และชนะเรียบไปเสียทุกครั้ง.

เทน ฮาก คุมทีม 432 เกมและคว้าชัยชนะมาได้มากถึง 279 นัด หรือคิดเป็น 64.58% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าผู้จัดการทีมระดับท็อปหลายคนเลยทีเดียว

  1. โฮเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho)

ผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันคุมทีมโรมา ในเซเรียอา มูรีนโยได้รับการยกย่องจากผู้เล่น ผู้ฝึก และผู้ประกาศข่าวกีฬาหลายคนว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจากสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสใน ปี 2015 ว่าเป็นผู้ฝึกสอนชาวโปรตุเกสที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษนี้.

มูรีนโยเริ่มต้นอาชีพสายฟุตบอลด้วยการเป็นผู้เล่นในดิวิชัน 2 ของโปรตุเกส เขาเรียนจบวิทยาศาสตร์การกีฬา จากมหาวิทยาลัยเทคนิคลิสบอนและเข้ารับการอบรมหลักสูตรการเป็นผู้ฝึกในสหราชอาณาจักร.

มูรีนโยเริ่มงานสั้น ๆ โดยเป็นผู้จัดการให้กับ ไบฟีกา และอูนีเยาดึ ไลรีอา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสามารถพาไลรีอาไปอยู่อันดับที่ 5 ของลีก ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดที่ทีมเคยทำได้, มูรีนโยกลับไปอยู่กับโปร์ตูช่วงต้น ปี 2002 ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกและนำทีมชนะ ปรีไมราลีกา โปรตุเกสลีกคัพ และยูฟ่ายูโรปาลีกใน ปี 2003.

  1. สเตฟาโน ปิโอลี (Stefano Pioli)

คนที่สามารถเปลี่ยนมิลาน ให้เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง ต้องยกย่องให้ สเตฟาโน ปิโอลี่ ผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้ เขาเป็นอดีตโค้ชของลาซิโอ, อินเตอร์ และฟิออเรนติน่า เขาไม่เคยเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในหมู่แฟนมิลานเลย และเหตุผลไม่ได้มีเพียงประวัติของเขาที่อินเตอร์เท่านั้น แต่เป็นเพราะว่า ปิโอลี ทำผลงานได้ระดับปานกลางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักเตะชาวอิตาลีวัย 55 ปี ประสบความพ่ายแพ้ 5 เกมและเสมอ 2 เกมจาก 7 เกมหลังสุดที่อินเตอร์ และชัยชนะของเขาที่ฟิออเรนติน่ามีเพียง 36% เท่านั้น,  แต่ถึงอย่างไร ปัจจุบันเขาก็เป็นคนนำทับ อินเตอร์ ให้มีความผงาดได้อีกครั้ง นับว่าเขาเป็นผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมคนนึงของวงการบอล.

  1. อันโตนิโอ คอนเต้ (Antonio Conte)

อดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมให้แก่ ทอตนัม ฮอตสเปอร์ ในพรีเมียร์ลีก, อาชีพผู้จัดการทีมของเขา เริ่มต้นในปี 2006 โดยนําบารีคว้าแชมป์เซเรียบี และเซียนา เลื่อนชั้นจากดิวิชั่นเดียวกัน ในอีกสองปีต่อมา เขาเข้ามาคุมทีมยูเวนตุสใน ปี 2011 และคว้าแชมป์เซเรีย อา 3 สมัยติดต่อกัน ก่อนจะคุมทีมชาติอิตาลีใน ปี 2014 จนถึงยูฟ่า ยูโร 2016 ซึ่งเขาพาทีมผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ จากนั้นเขาก็กลายเป็นผู้จัดการทีมเชลซีและพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลแรกของเขาที่คุมทีม.

จากนั้นก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลที่สองของเขา แต่ถูกไล่ออกเมื่อทีมจบอันดับที่ห้าในลีก คอนเต้ย้ายมาร่วมทีมอินเตอร์ มิลานในอีกหนึ่งปีต่อมา โดยพาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกในฤดูกาลแรก จากนั้นคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2020-2021 ในฤดูกาลที่สองของเขา ก่อนจะก้าวลงจากตําแหน่งด้วยความยินยอมร่วมกัน, เขาย้ายมาร่วมทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2021.

คอนเต้ได้รับการยกย่องว่าได้เปรียบในการเสริมทัพ 3–5–2 หลังจากที่ได้เห็นการทำผลงานที่ยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ยุครุ่งเรืองในฟุตบอลโลก 1990.

  1. คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti)

อดีตนักฟุตบอล และผู้จัดการทีมฟุตบอล ชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด ในลาลิกาของประเทศสเปน.

อันเชลอตตี ประสบความสำเร็จกับโรมา ในตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งได้ 1 ถ้วยสกูเดตโต และ 4 ถ้วยโกปปาอีตาเลีย และเป็นส่วนหนึ่งในความยิ่งใหญ่ของเอซีมิลาน ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 อันเชลอตติได้ 2 ถ้วยสกูเดตโตและ 2 ถ้วยยุโรป ในระยะเวลา 5 ปี อันเชลอตติลงแข่งขันในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลี 26 นัด ยิงได้ 1 ประตู และลงแข่งในฟุตบอลโลก 1986 และ 1990.

การคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งนี้ส่งผลให้ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาลี กลายเป็นกุนซือคนแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ 4 สมัย โดยก่อนหน้านี้เขาพาเอซี มิลาน คว้าแชมป์ 2 สมัยในปี 2003 และ 2007 และล่าสุดพาเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 2 ภายใต้การคุมทีมของเขาได้สำเร็จต่อจากครั้งแรกเมื่อปี 2014,  ในปลายปี ค.ศ. 2015 อันเชลอตติได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมบาเยิร์นมิวนิก ในบุนเดิสลีกา ของเยอรมนีแทนที่ของเปป กวาร์ดีโอลา ที่ประกาศก่อนหน้านั้นว่าจะไม่ทำทีมต่อ เขาเป็นโค้ชคนแรกที่คุมทีมชนะเลิศ 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ได้แก่ เซเรียอา พรีเมียร์ลีก ลีกเอิง ลาลิกา และบุนเดิสลีกา มาแล้วทั้งหมด.

  1. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola)

ผู้จัดการทีมชาวคาตาลันวัย 45 ปี ได้คว้า 22 แชมป์ ภายในเจ็ดปี ในขณะดำรงตำแหน่งกุนซือ บาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิก โดยเขาได้ตกลงมาเป็นกุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน ปี 2016.

กวาร์ดิโอล่าเริ่มต้นอาชีพบริหารด้วยการคุมบาร์เซโลน่าทีมบีใน ปี 2007 ก่อนที่จะเทคโอเวอร์ชุดใหญ่ในปีถัดมา เขาคว้าแชมป์ลา ลีกา สามสมัยภายในสี่ปีที่อยู่แคพม์ นูว์ แล้วยังชูถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก สองครั้ง นอกจากนี้ยังสะสมถ้วยซูเปอร์โคปา เด เอสปันญ่า อีกสามครั้ง และถ้วยโคปา เดล เรย์ อีกสองสมัย พร้อมทั้งถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิล์ด คัพ.

เขาได้ช็อควงการฟุตบอลเมื่อตัดสินใจสละบาร์เซโลน่าทีมโปรดไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิก ในปี 2013 และได้รวบถ้วยแชมป์เปี้ยน ลีก และสามถ้วยในประเทศร่วมกับทีมยักษ์ใหญ่เยอรมัน.

ต่อกจากนั้น เขาก็ตัดสินใจเบนเข็มย้ายมาเกาะอังกฤษ นัดแรกที่เขาคุม แมนซิตี้ คือการกลับไปเยือนบ้านเก่าในวันที่ 20 กรกฏาคม ปี 2016 โดยบาเยิร์น มิวนิก เฉือนซิตี้ 1-0 ต่อจากนั้นเขาก็นำทีมไปยังประเทศจีนขณะทัวร์ก่อนเปิดฤดูกาล.

  1. เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp)

ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก คล็อพได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเมื่อ ปี 2015 คล็อพได้เซ็นสัญญาเข้ารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ระยะเวลา 3 ปี โดยเข้ารับหน้าที่แทน เบรนดัน ร็อดเจอส์.

เขานำทีมสู่นัดชิงชนะเลิศ ของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2018 และ 2019 โดยในครั้งหลัง ทำให้ลิเวอร์พูดครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ถือเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ของสโมสร และถือเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา คล็อพนำสโมสรได้อันดับ 2 บนตารางพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 จนในฤดูกาลถัดมาคล็อพก็สามารถทำให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 ถือเป็นครั้งแรกของสโมสร นำทีมไร้พ่าย 44 นัดในลีก ยาวนานเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ และยังทำให้ทีมเป็นแชมป์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลได้ด้วย.

 

Last update: : กันยายน 8, 2022

Category: News