11 สุดยอดผู้จัดการฟุตบอล ที่พาทีมคว้าแชมเปญของพรีเมียร์ลีก!

Rate this post

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่มทำการแข่งขันเป็นครั้งแรก ในฤดูกาล 1992/93 จวบจนถึงปัจจุบัน กีฬาที่คนทั่วโลกต่างชื่นชอบนี้ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วถึง 28 ฤดูกาล ถึงแม้จะผ่านกาลเวลามาเกือบ 3 ทศวรรษ แต่มีเพียง 7 สโมสร เท่านั้น ที่สามารถก้าวไปสู่บัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ.

อย่างไรก็ตาม แต่มีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ แม้จะมีนักเตะที่ได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก มาแล้วมากมาย แต่กลับมีผู้จัดการทีมเพียงแค่ 11 คนเท่านั้น ที่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์อันทรงเกียรติใบนี้ และจากจำนวนดังกล่าว มีกุนซือเพียง 4 คนเท่านั้นที่เคยได้ชูถ้วยโทรฟี่นี้มากกว่า 1 ครั้ง โดยโค้ชระดับโลกเหล่านั้น จะเป็นใครกันบ้าง วันนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนรอย และทำความรู้จักกับพวกเขากัน.

 

  1. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด): 13 สมัย

ปีที่ครองแชมป์: 1992/93, 1993/94, 1995/96, 1996/97, 1998/99, 1999/2000, 2000/01,

2002/03, 2006/07, 2007/08, 2008/09, 2010/11, 2012/13.

อดีตผู้จัดการทีมและผู้เล่นฟุตบอลชาวสกอต เกิดเมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1941 ปัจจุบันอายุ 80 ปี เป็นที่รู้จักการบริหารแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1986 ถึง 2013 เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และได้รับถ้วยรางวัลมากกว่าผู้จัดการคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ฟุตบอล.

เฟอร์กูสันเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ในช่วงที่บริหารทั้งหมด 26 ปี เขาได้รับถ้วยรางวัล 38 อัน ซึ่งรวมถึงพรีเมียร์ลีก 13 สมัย เอฟเอคัพ 5 สมัย และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, เขาเคยได้รับยศอัศวินในงานพระราชทานยศเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระราชินีนาถประจำปี 1999 (1999 Queen’s Birthday Honors).

เฟอร์กูสันเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด ซึ่งทำลายสถิติของเซอร์ แมตต์ บัสบีในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2010 เขาประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้จัดการทีม หลังจบฤดูกาล 2012-13, ตำนานบรมกุนซือชาวสกอตผู้นี้ ชายผู้เสกความสำเร็จให้กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เริ่มต้นยุคของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่เขาจะประกาศศักดาพาทีมคว้า “ทริปเบิ้ลแชมป์” จนดังเป็นพลุแตก ในฤดูกาล 1998/99. ส่งท้ายก่อนการสิ้นสุดตำแหน่ง เฟอกี้พาทีมคว้าแชมป์ลีกส่งท้ายในปี 2012/13 ซึ่งนับเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 13 ของเขา และของสโมสร รวมทั้งยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของ ยอดทีมแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งจวบจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีนายใหญ่คนไหนที่สามารถพา ยูไนเต็ด กลับไปยังจุดสูงสุดแบบที่ เฟอร์กูสัน เคยทำได้อีกเลย.

 

  1. อาร์แซน แวงแกร์ (อาร์เซน่อล): 3 สมัย

ปีที่ครองแชมป์: 1997/98, 2001/02, 2003/04

เขาวันเกิดเมื่อ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ปัจจุบันอายุ 72 ปี เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวฝรั่งเศส และเคยเป็นผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ยาวนานกว่า 22 ปี ในระหว่างปี 1996-2018 ปัจจุบันเขาเป็นหัวหน้าแผนกพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า.

แวงแกร์เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเรื่องของจำนวนถ้วยรางวัล และระยะเวลาการคุมทีมที่นานที่สุดของอาร์เซนอล เขาเป็นผู้จัดการทีมคนที่สองที่สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้ในอังกฤษ นั่นคือปี ค.ศ. 1998 และ ค.ศ. 2002.

ในปี ค.ศ. 2004 นั้น เขายังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของประวัติศาสตร์ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่สามารถคุมทีมลงเล่นแล้วไม่แพ้ทีมใดในลีกเลยทั้งฤดูกาล 2003/04 และทำสถิติคุมทีมอาร์เซนอลไม่แพ้ใครเลยในพรีเมียร์ลีกติดต่อกัน 49 นัด ระหว่างฤดูกาล 2002/03, 2003/04, 2004/05 ซึ่งเป็นสถิติการไม่แพ้ติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษ.

เขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 3 สมัย ในช่วงปลายยุค 90 และยุค 2000 แต่ครั้งที่เป็นที่พูดถึง และเป็นที่จดจำมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ฤดูกาล 2003/04 ซึ่งนับได้ว่าเป็น ยุครุ่งเรืองที่สุดของ ทีมดังจากลอนดอนเหนือ เมื่อพวกเขาสามารถประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่าย ได้อย่างสุดยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทาน ด้วยผลงาน ชนะ 26 เสมอ 12.

 

  1. โจเซ่ มูรีนโย (เชลซี): 3 สมัย

ปีที่ครองแชมป์: 2004/05, 2005/06, 2014/15

มูรีนโย เกิดเมื่อ 26 มกราคม ค.ศ. 1963 ปัจจุบันอายุ 59 ปี เขาได้รับการยกย่องจากผู้เล่น ผู้ฝึก และผู้ประกาศข่าวกีฬาหลายคนว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก นอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจากสหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกสในปี ค.ศ. 2015 ว่าเป็นผู้ฝึกสอนชาวโปรตุเกสที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษนี้.

มูรีนโยเริ่มงานอย่างเป็นทางการให้กับเชลซี เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2004 ด้วยสัญญาระยะเวลาสามปี ภายใต้การจัดการของมูรีนโย เชลซีได้รับการพัฒนาฐานการเล่นโดยระบบเดิม และภายในต้นเดือนธันวาคม เชลซี ก็ไปถึงจุดสูงสุดของตารางพรีเมียร์ลีก และเข้าสู่รอบแพ้คัดออกในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก.

ชายผู้นี้ เข้ามาสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ทันที สมฉายา “เดอะ สเปเชียล วัน” เมื่อเขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัยซ้อน จากนั้นเขาจึงได้อำลาตำแหน่งไปในปี 2007 อย่างไรก็ดี มูรินโญ่ ได้กลับมายัง “เดอะ บริดจ์” อีกครั้ง พร้อมนำแชมป์ลีกมาให้ทีมได้อีก 1 สมัยในปี 2014/15 ก่อนที่เขาจะย้ายข้ามฟากไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสุดท้ายได้กลายมาเป็น แม่ทัพของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ในเวลานี้.

 

  1. เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้): 2 สมัย

ปีที่ครองแชมป์: 2017/18, 2018/19

ฌูแซ็ป กวาร์ดิโอลา อี ซาลา วันเมื่อ 18 มกราคม ค.ศ. 1971 ปัจจุบันอายุ 51 ปี เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ซิตี, กวาร์ดิโอลาเคยเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรับ และเล่นกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาเป็นหลัก ต่อมาในต้นปี ค.ศ. 2016 แมนเชสเตอร์ซิตี ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ในฤดูกาล 2016–17 กวาร์ดิโอลาจะมาเป็นผู้จัดการทีมแทนที่ของ มานูเอล เปเลกรินิ โดยมีการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 3 ปี.

กุนซือชาวสเปน พาทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษ ได้ 2 ซีซั่นติดต่อกัน ในปี 2017/18 และ 2018/19 โดยทำแต้มได้สูงที่สุด จนเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีกที่ 100 และ 98 แต้ม ตามลำดับ โดยเฉพาะในปี 2018/19 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถนำ ซิตี้ คว้าแชมป์ครบทุกรายการที่ลงเล่นในประเทศอังกฤษ.

 

  1. เคนนี แดลกลีช (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)

ปีที่ครองแชมป์: 1994/95

เขาเกิดเมื่อ 4 มีนาคม ค.ศ. 1951 ปัจจุบันอายุ 71 ปี เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ เล่นตำแหน่งกองหน้า เจ้าของฉายา “คิง เคนนี” และเคยเป็นอดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลด้วย.

สมัยลงเล่นให้ลิเวอร์พูล ชายชาวสกอตคนนี้มีพรสวรรค์ เล่นได้ในทุกสถานการณ์ เขานำแสงสว่างและชัยชนะมาให้หงส์แดงอยู่เสมอ โดยในยุคนั้นลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะชายคนนี้ เขาได้สร้างความสำเร็จให้กับสโมสรเป็นอย่างมากตลอดเวลาที่เคยอยู่ที่ลิเวอร์พูล.

ในช่วงฟุตบอลดิวิชัน 2 ประธานสโมสร แบล็กเบิร์น โรเวอส์ ได้จ้าง เคนนี แดลกลีช เข้ามาคุมทีม โดยแดลกลีชได้ตอบตกลง ในช่วงฤดูกาล 1991-92 แดลกลีชนำทีมแบล็กเบิร์น โรเวอส์ เก็บชัยชนะได้มาเกือบหมด โดยแดลกลีชได้วางแผนให้กับแบล็กเบิร์น โรเวอส์ไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเสริมแนวรุกหรือการป้องกันลูกยิงของทีมอื่นๆ ซึ่งแดลกลีชได้นำทีมแบล็กเบิร์นโรเวอส์เก็บชัยชนะมาได้ 78 แต้ม เป็นอันดับ 1 ของฟุตบอลลีกดิวิชัน 2 ในอังกฤษ โดยได้ลงแข่งทั้งหมด 36 นัด คว้าชัยชนะมาได้ 31 นัด เสมอ 3 นัด แพ้แค่ 2 นัด จึงให้แบล็กเบิร์นโรเวอส์คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกดิวิชัน 2 ของอังกฤษได้สำเร็จและได้เลื่อนชั้นขึ้นไปในเล่นพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1993-94.

โดยคิง เคนนี่” พาทีม “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คว้าแชมป์ได้อย่างเหนือความคาดหมาย ในฤดูกาล 1994/95 โดยซีซั่นนั้น เป็นการลุ้นแย่งแชมป์ ระหว่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สุดดุเดือดและเข้มข้น ได้ถูกจารึกในประวัติของสโมสรแบล็กเบิร์น โรเวอส์ ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาให้กับสโมสรได้เป็นครั้งแรกแล้วได้นำทีมไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสรอีกด้วย แต่เคนนี ก็ได้ขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมแบล็กเบิร์น โรเวอส์ เนื่องจากมีเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเขา ซึ่งปัจจุบันทางแบล็กเบิร์นโรเวอส์ก็ยังยกย่องแดลกลีชว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ดีอันดับต้นของสโมสรมาตลอด.

 

  1. คาร์โล อันเชล็อตติ (เชลซี)

ปีที่ครองแชมป์: 2009/10

อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด ในลาลิกาของประเทศสเปน เขาเกิด 10 มิถุนายน ค.ศ. 1959 ปัจจุบันอายุ 63 ปี,  ยอดกุนซือชาวอิตาลี กลายเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ของโลกลูกหนังที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครบทั้ง 5 ลีกของยุโรป.

อันเชลอตตีเล่นในตำแหน่งกองกลางและประสบความสำเร็จกับโรมา ในตำแหน่งผู้จัดการทีมซึ่งได้ 1 ถ้วยสกูเดตโต และ 4 ถ้วยโกปปาอีตาเลีย และเป็นส่วนหนึ่งในความยิ่งใหญ่ของเอซีมิลาน ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 อันเชลอตติได้ 2 ถ้วยสกูเดตโตและ 2 ถ้วยยุโรป ในระยะเวลา 5 ปี อันเชลอตติลงแข่งขันในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลี 26 นัด ยิงได้ 1 ประตู และลงแข่งในฟุตบอลโลก 1986 และ 1990 และในปี 2021 เขาได้มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้ทีม เรอัล มาดริด.

เขาผู้นี้เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในซีซั่น 2009/10 ซึ่งเป็นปีแรกของเขาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังจากที่เขาสร้างความสำเร็จในอิตาลี กับ เอซี มิลาน มาอย่างมากมาย โดยฤดูกาลนั้น ก็เป็นอีกครั้งที่ตำแหน่งแชมป์.

 

  1. โรแบร์โต้ มันชินี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ปีที่ครองแชมป์: 2011/12

เขาเกิดเมื่อ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1964 ปัจจุบันอายุ 57 ปี เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชาติอิตาลี ในฐานะนักฟุตบอล เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักฟุตบอลในสโมสรฟุตบอลซัมป์โดรีอา เขาลงแข่งในลีก 550 นัด และช่วยให้ทีมชนะการแข่งขันในเซเรียอา และได้ถ้วยกอปปาอีตาเลีย 4 ครั้ง และยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 ครั้ง ในการลงแข่งให้กับฟุตบอลทีมชาติอิตาลี 36 นัด.

กุนซือชาวอิตาเลียน ที่สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ให้กับชาวเมืองแมนเชสเตอร์ แบบไม่รู้ลืม เมื่อเขาเป็นคนนำทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก แบบสุดดราม่าห้าตลบ ในฤดูกาล 2011/12.

 

  1. มานูเอล เปเลกรินี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ปีที่ครองแชมป์: 2013/14

มานูเอล ลุยส์ เปเลกรินิ ริปามอนติ เกิดเมื่อ 16 กันยายน ค.ศ. 1953 ปัจจุบันอายุ 69 ปี อดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวชิลี เขาเคยเล่นให้กับ เรอัล เบติส, ในฐานะโค้ช เขาเคยเป็นผู้จัดการทีมใน สเปน อังกฤษ อาร์เจนตินา ชิลี จีน และเอกวาดอร์ รวมถึงแมนเชสเตอร์ซิตีระหว่างปี 2013–2016 เขาชนะลีกระดับชาติในสี่ประเทศอีกด้วย.

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2013 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยืนยันการแต่งตั้ง เปเลกรินี่ เป็นผู้จัดการทีมชุดใหญ่คนใหม่ด้วยสัญญา 3 ปี เขาได้รับรางวัลผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนธันวาคม 2013 และได้รับการยกย่องอย่างรอบด้านสำหรับรูปแบบการบริหารเกมรุก ท่าทางที่สงบ และการบริหารคนที่ยอดเยี่ยมด้วย, หลังจากการย้ายมาคุมทัพ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่น 2013/14 ก่อนกระชากแชมป์พรีเมียร์ลีก กลับมาจากคู่อริร่วมเมืองได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นการดับฝันในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของ ลิเวอร์พูล อีกด้วย.

 

  1. เคลาดิโอ รานิเอรี่ (เลสเตอร์ ซิตี้)

ปีที่ครองแชมป์: 2015/16

เขาเกิดเมื่อ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1951 ปัจจุบันอายุ 70 ปี เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี และอดีตผู้เล่นซึ่งล่าสุดเป็นหัวหน้าโค้ชของสโมสร วัตฟอร์ด ในลีกอังกฤษ.

รานิเอรีเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมในลีกระดับล่างในอิตาลีในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และสร้างชื่อให้กับสโมสร กายารี ซึ่งเขาได้รับลงแข้งในเซเรีย ซี 1 จนถึงเซเรีย อา ในฤดูกาลที่ต่อเนื่องกันอีกด้วย.

เขาได้ชื่อว่าเป็นชายผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้แก่ชาวเมืองเลสเตอร์ เฮดโค้ชวัยเก๋าชาวอิตาเลียน ที่รับหน้าที่กุนซือมากว่า 30 ปี โดยผ่านการคุมทีมดังมามากกว่า 10 สโมสร ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, ยูเวนตุส, โรม่า, อินเตอร์ มิลาน รวมไปถึง แอตเลติโก้ มาดริด แต่ยังไม่เคยพาทีมใดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว กลับกลายเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์หน้าสำคัญอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเขาพาทีม “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ เถลิงบังลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกได้แบบพลิกล็อคช็อกโลก ในซีซั่น 2015/16 โดยปีนั้น “เดอะ ฟ็อกซ์” สร้างผลงานอันสุดมหัศจรรย์ ชนะ 23 เสมอ 12 แพ้ 3 มี 81 แต้ม ซึ่งมากกว่า อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 2 ถึง 10 แต้ม และมากกว่า สเปอร์ส คู่แข่งแย่งแชมป์ของพวกเขา.

 

  1. อันโตนิโอ คอนเต้ (เชลซี)

ปีที่ครองแชมป์: 2016/17

เขาเกิดเมื่อ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ปัจจุบันอายุ 53 ปี เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมให้แก่ทอตนัม ฮอตสเปอร์ ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ.

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17 คอนเต้ได้เป็นผู้จัดการทีมเชลซี โดยได้รับการแต่งตั้งตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล 2015–16 โดยได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งคอนเต้ได้คุมทีมเชลซีจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2018.

ผู้จัดการทีม สัญชาติอิตาลี รายที่ 4 และกุนซือคนที่ 3 ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังพา ยูเวนตุส คว้าสคูเดตโต้ หรือ แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ได้ 3 สมัยซ้อน ในช่วงปี 2011-14 ต่อด้วยการคุม ทีมชาติอิตาลี ในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น ในปี 2016 คอนเต้ ที่ปาดหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ปีแรกที่เขาเข้ารับงานคุมทีม.

 

  1. เยอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล)

ปีที่ครองแชมป์: 2019/20

“เดอะ ค็อป” เยอร์เก้น คล็อปป์ เกิดเมื่อ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1967 ปัจจุบันอายุ 55 ปี เป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน และเคยเป็นผู้เล่นด้วย ปัจจุบันเขาเป็นผู้จัดการของทีม ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก เขาเข้ารับตำแหน่งกุนซือของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 คล็อพได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และนำทีมสู่นัดชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2018 และ 2019 โดยในครั้งหลังทำให้ลิเวอร์พูดครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ถือเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ของสโมสร และถือเป็นครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา.

คล็อพนำสโมสรได้อันดับ 2 บนตารางพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 จนในฤดูกาลถัดมาคล็อพก็สามารถทำให้ลิเวอร์พูลชนะเลิศในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 (ถือเป็นครั้งแรกของสโมสร) นำทีมไร้พ่าย 44 นัดในลีก ยาวนานเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ และยังทำให้ทีมเป็นแชมป์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของลิเวอร์พูลได้.

Last update: : ตุลาคม 17, 2022

Category: News